ปวดคอ บ่าไหล่ ปวดหลัง ปวดสะโพก

ปวดคอ บ่าไหล่ ปวดหลัง ปวดสะบัก

อาการปวดคอ บ่าไหล่ ปวดสะบัก ปล่อยไว้อันตราย 1. มีอาการปวดคอ อาจมีปวดร้าวลงมาตามบ่า ไหล่ แขน มือ หรือสะบักข้างใดข้างหนึ่ง 2. อาจมีอาการชาตามแขนหรือนิ้วมือร่วมด้วย ความรู้สึกอาจเปลี่ยนแปลงไป 3. เคลื่อนไหวคอได้น้อยลง ตึงหรือ ปวดๆ ขัดๆ ถ้าเคลื่อนไหวจนสุด 4. มีอาการเกร็งแข็งของกล้ามเนื้อต้นคอ หรือมีจุดกดเจ็บบริเวณท้ายทอย ต้นคอ บ่า 5. อาจมีอาการปวดศีรษะตื้อๆ สาเหตุของอาการปวดคอ 1. กลุ่มเนื้อเยื่อหดเกร็ง กล้ามเนื้ออักเสบ มีจุดกดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อคอด้านข้างแนวกระดูกสันหลังใต้ท้ายทอย ทำให้ปวดบริเวณต้นคอร้าวขึ้นไปที่ศีรษะ ทำให้มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วยได้ พบประมาณ 90 % 2. มีแรงกระแทกต่อกระดูกต้นคอทางตรงและ ทางอ้อม เช่น อุบัติเหตุต่างๆ 3. มีการเสื่อมของกระดูกต้นคอตามอายุ ทำให้มีหินปูนเกาะรอบขอบกระดูกไประคายเคืองเส้นประสาทคอปวดร้าวตามไหล่แขนได้พบประมาณ 5 % 4. จากอิริยาบถของคอไม่ถูกต้อง เช่น นั่งก้มหน้าทำงานนานๆ หรือ เงยหน้านานๆ ทำให้มีความรู้สึกเมื่อยล้าได้ นอนหมอนสูงเกินไป กึ่งนั่งกึ่งนอนดูทีวี 5. ภาวะเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ

กล้ามเนื้อคอ

กล้ามเนื้อคอ (Muscle of the neck) ที่สำคัญในการเคลื่อนไหวของคอ มีอยู่ 3 มัด คือ 1. Sternomastoid หรือ Sternocleidomastoideus เป็นกล้ามเนื้อที่ใหญ่ที่สุดของคอเกาะพาดจากกระดูกหน้าอกกับกระดูกไหปลาร้าไปยังด้านนอกของกระดูก Mastoid และกระดูกท้ายทอย ทำหน้าที่เอียงคอ หันและหมุนคอ 2. Splenius capitis เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านข้างของคอ มีจุดเกาะเริ่มจากกระดูกสันหลังส่วนลำตัว (thoracic spine) อันที่ 3 และ 4 ไปยังจุดเกาะปลายที่กระดูกท้ายทอย ทำหน้าที่ยืดคอ เอียงคอและเงยหน้า 3. Semispinalis capitis เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหน้าของคอ จุดเกาะต้นเริ่มจากกระดูกสันหลังส่วนคอ (cervical spine) อันที่ 4 และ 5 ไปยังจุดเกาะปลายที่กระดูกท้ายทอย ทำหน้าที่ยืดคอ เอียงคอและเงยหน้า


จุดกดเจ็บ

จุดกดเจ็บของกล้ามเนื้อส่งผลให้ปวดร้าวไปยังบริเวณที่กล้ามเนื้อนั้นส่งไปถึงใยกล้ามเนื้อและการเกิดผังผืด

ใยกล้ามเนื้อ มีรายละเอียดย่อยลงไปได้อีกหลายชั้นซับซ้อนมาก จุดกดเจ็บที่รักษาไม่หาย เกิดอาการปวดเรื้อรังมักเกิดในกล้ามเนื้อมัดลึกๆ

พังผืด เป็นเยื่อเหนียวเกาะติดกัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเหลือหลังจากร่างกายซ่อมแซมเซลล์ที่อักเสบ หากสะสมกันนานๆ ก็มีลักษณะจับตัวแข็งเกาะติดกับกล้ามเนื้อ จนทำให้หาจุดกดเจ็บยากและรักษายากยิ่งขึ้น

จุดกดเจ็บ ปิดกั้นไม่ให้เลือดมาเลี้ยงกล้ามเนื้อได้เพียงพอ ทำให้เกิดการสะสมของเสียบริเวณนั้น จึงเกิดอาการอักเสบ เมื่อกดโดนจะเจ็บมาก และเมื่อเม็ดเลือดขาวมาซ่อมแซมอาการอักเสบ จึงเกิดขยะหลังอาการอักเสบ ที่เรียกว่าพังผืด สะสมมากขึ้นก็แข็ง ครอบคลุมบริเวณที่มีปัญหา การรักษาจึงยากขึ้นเป็นเรื้อรังนั่นเอง

อาการปวดคอ บ่า ไหล่ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ

1. กลุ่มอาการทั่วไป สาเหตุเกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น (คิดเป็นร้อยละ 80) เกิดจากกล้ามเนื้อมีความเมื่อยล้าจากการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ

2. กลุ่มอาการกดทับของเส้นประสาท พบไม่บ่อยมากแต่ลักษณะอาการรุนแรง มีอาการปวดรุนแรง ตึง ร้าวลงแขน หรือมีอาการชาร่วมด้วย

3. อาการกดทับของไขสันหลัง รุนแรงที่สุดแต่พบน้อยมาก (ร้อยละ 1-2%)


สาเหตุของอาการปวด แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ตามลักษณะอาการ

1. การปวดแบบเฉียบพลัน หรืออาการกล้ามเนื้อยอก เคล็ด อาการที่พบได้บ่อยๆ เช่น นอนตกหมอน ลักษณะของอาการคือกล้ามเนื้อมีการตึง เกร็ง หันคอได้ลำบาก เป็นต้น

2. ปวดแบบกึ่งเฉียบพลัน หรือกลุ่มเรื้อรัง เป็นกลุ่มคนไข้ที่มีประวัติของอาการปวดคอ ปวดกล้ามเนื้อมาก่อน ลักษณะของอาการเกิดขึ้นแบบเป็นๆ หายๆ เกิดขึ้นได้เมื่อมีการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักเป็นเวลานานๆ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ไม่เพียงพอ ทำให้กลับมาเป็นได้อีก


อาการปวดคอ บ่า ไหล่ ไหล่ติด ยกแขนลำบาก สะบักจม เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย หากไม่หาทางแก้ไข ในอนาคตอาจต้องเตรียมรับมือกับ
> โรคไมเกรน
> กล้ามเนื้ออักเสบทับเส้นประสาท > กล้ามเนื้อเสื่อม > หมอนรองกระดูกเสื่อม > หมอนรองกระดูกทับเส้นปะสาท > โรคหลอดเลือด (อัมพฤกษ์-อัมพาต และโรคหัวใจ)


ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นๆ หายๆ


ในการฟื้นฟูด้วยแพทย์ทางเลือก โดยใช้สารอาหารธรรมชาติที่สกัดผ่านนวัตกรรมระดับชีวโมเลกุล ฟื้นฟูแก้ไขอาการ การเสริมโภชนาการเพื่อกระตุ้นเร่งกระบวนการซ่อมแซม เป็นการดูแลปัจจัยที่ต้นเหตุ เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารในการซ่อมแซมที่ต้นเหตุ จึงเห็นผลการฟื้นฟูที่ประสิทธิภาพมากขึ้น และยั่งยืนกว่า

ด้วย ดิ ออฟฟิศ งานวิจัย โดยใช้สมุนไพร 14 รายการ....เพื่อลงรักษาทั้ง 4 ระบบในร่างกาย สารอาหารจะเข้าไปฟื้นฟูระดับชั้นเซลล์ จึงเห็นผลที่ชัดเจนและยั่งยืน ดิออฟฟิศสามารถลดความเมื่อยล้าของเนื้อเยื่อ และลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ กระดูก เส้นเอ็น ได้เป็นอย่างดี
สารสกัดใน ดิ-ออฟฟิศ

ลดการอักเสบกล้ามเนื้อ









***คำแนะนำ  การทานสารอาหารสกัดนวัตกรรม แนะนำทานต่อเนื่อง 1-3 เดือน เพื่อการเห็นผลที่ชัดเจนและยั่งยืน การทานจะแตกต่างกันตามอาการของแต่ละบุคคล



จัดส่งทุกวัน วันละ 2 รอบ


ได้รับสินค้าภายใน 1-3 วัน

จัดส่งฟรีทั่วประเทศ







มีบริการจัดส่งต่างประเทศ










การทานเพื่อฟื้นฟู ขึ้นอยู่กับอาการแต่ละบุคคล การจัดเซ็ทอาจแตกต่างกันออกไป

ส่วนประกอบสารสกัด 14 ชนิดในดิออฟฟิศ

1. Gingerol สารสกัดจากขิง จากผลการศึกษาที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าขิงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบของกล้ามเนื้อของหนูนักวิจัยได้ทำการศึกษาผลการใช้ขิงเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อในคน ผลการการศึกษาพบว่าการรับประทานขิงทุกวันช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อได้ถึง 25 % และผลที่เกิดขึ้นก็ไม่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้ขิงที่ผ่านความร้อนเพราะฉะนั้นนักวิจัยจึงสรุปว่าการบริโภคขิงทุกวันจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อเนื่องจากการออกกำลังกายได้และจากการศึกษาในผู้ป่วยที่เป็นโรคไขข้ออักเสบข้อเสื่อมและมีอาการผิดปกติทางกล้ามเนื้อ (muscular discomfort) พบว่าร้อยละ 75 ของผู้ป่วยโรคข้อมีอาการปวดข้อและบวมลดลงและผู้ป่วยที่มีอาการทางกล้ามเนื้อทั้งหมดหายปวดซึ่งกลไกในการลดอาการปวดมาจากการยับยั้งการสร้างprostaglandin และleukotriene

2. Turmeric Extract เคอร์คุมินอยด์ (Curcuminiod) เป็นสารที่พบในขมิ้นชันซึ่งเป็นสารเคมีประเภทโพลีฟีนอล (Polyphenolic phytochemical) ออกฤทธิ์ทางด้านชีวเคมีหลายประการมีผลการทดลองว่าผงแห้งน้ำคั้นและสารสกัดชนิดต่างๆมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบในร่างกายทุกชนิดและยังมีงานวิจัยรองรับว่าสามารถลดการอักเสบของข้อเข่าได้

3. L-Glutamine ประมาณ 60% ของเป็นกรดอะมิโนอิสระพบกระจายอยู่ในกล้ามเนื้อมากL-Glutamine จะช่วยลดความเหนื่อยและเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ โดยL-Glutamine จะช่วยทำลายกรดแลคติค (Lactic Acid) ที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อทำให้เราสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นโดยไม่เหนื่อยล้าซึ่งการออกกำลังกายได้นานขึ้นจะมีผลทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนGrowth hormone ให้มากขึ้นทางอ้อมเช่นกันช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นโดยการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว, สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับสมองได้อีกทางหนึ่ง, ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

4. L-Lysine monohydrochloride เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทาน บทบาทสำคัญของ L-Lysine คือ เป็นสารกระตุ้นการสร้าง โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) จากต่อมใต้สมองของเรา L-Lysine เป็นสารตั้งต้นในกระบวนการผลิต Collagen คอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวพรรณเต่งตึง มีน้ำมีนวล และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของ เส้นผม เล็บ กระดูก รวมทั้งกระดูกอ่อน L-Lysine ช่วยเพิ่มการดูดซึม Calcium แคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ลดโอกาสเกิดโรคงูสวัด โรคเริม

5. Capsaicin Extract สารสกัดจากพริกจากการวิจัยพบว่าสาร Capsaicin มีฤทธิ์ในการลดความรู้สึกปวดได้สามารถลดอาการปวดจากโรคข้ออักเสบได้เป็นอย่างดี ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อปวดกล้ามเนื้อ (Musculoskeletal pain) ปวดปลายประสาทchronic neuropathic pain ปวดจากโรคงูสวัดเป็นต้น

6. Acetyl-L-carnitine มีบทบาทสำคัญในส่วนของการผลิตอะซีติลโคลีน (acetylcholine) ของร่างกายอะซีติลโคลีนเป็นสารเคมีในสมองที่สำคัญที่หลั่งออกมาจากส่วนปลายของเส้นใยประสาทบริเวณเชื่อมต่อทำหน้าที่ช่วยให้กระแสประสาทถูกส่งสัญญาณผ่านจากเซลล์ประสาทหนึ่งไปสู่อีกเซลล์ประสาทหนึ่งได้ช่วยให้พลังงานกับสมองกำจัดอนุมูลอิสระลดอาการเหนื่อยล้าและอาการอ่อนเพลียเรื้อรังช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ประสาทและสมองช่วยเสริมสร้างความสามารถในการจดจำได้ดีขึ้นช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีขึ้นชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกายช่วยลดอาการซึมเศร้า

7. Coenzyme Q10 เป็นตัวช่วยสำคัญให้ร่างกายนำออกซิเจนมาใช้งานได้มากขึ้นและช่วยให้ไมโตรคอนเดียซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานไฟฟ้าที่คอยสร้างพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆทำงานได้ดียิ่งขึ้นQ10 จึงจำเป็นสำหรับอวัยวะที่ทำงานหนักและต้องใช้พลังงานสูงมากเป็นพิเศษเช่นหัวใจสมองตับและไตเป็นต้นQ10 ยังช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดียิ่งขึ้นช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจทำงานล้มเหลวหรือที่เรียกว่าโรคหัวใจโตนอกจากนี้Q10 ยังช่วยลดความดันโลหิตในกลุ่มของผู้ที่มีความดันโลหิตสูงที่เกิดจากการแข็งตัวของเส้นเลือดของอวัยวะต่างๆจนทำให้ผนังหลอดเลือดขาดความยืดหยุ่นนั่นเองจากรายงานการวิจัยพบว่าโคเอนไซม์คิวเทนสามารถลดอาการหัวใจล้มเหลวโดยพบว่าการใช้โคเอนไซม์คิวเทนทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้มากกว่า 15.7% และทำให้iร่างกายออกกำลังกายได้นานขึ้น 25.4%

8. Taurine เป็นกรดอะมิโนตัวหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งต่อกระบวนการต่างๆช่วยควบคุมการเข้าออกของสารสื่อประสาทต่างๆจากเซลล์พบTaurineมากในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อลายและหัวใจTaurineช่วยการทำงานของตับและตับอ่อนโดยการสร้างTaurocholateซึ่งจะไปช่วยทำให้ไขมันที่รับประทานเข้าไปแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆสามารถถูกย่อยและเผาผลาญได้ง่ายขึ้นร่างกายของเราจึงสามารถนำพลังงานเหล่านั้นไปใช้เป็นกำลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆได้เร็วขึ้น เพิ่มพลังงานในร่างกายและกระตุ้นพลังงานให้ร่างกายมีพลังเต็มที่

9. Natural Caffeine คาเฟอีนจากธรรมชาติโดยสกัดมาจากชาเขียวช่วยให้ร่างกายตื่นตัวแตกต่างจากสารสังเคราะห์คาเฟอีนทั่วไปเพราะจะทำให้ตื่นตัวแต่แทรกภาวะหัวใจเต้นเร็วและนอนไม่หลับตาค้างแต่คาเฟอีนจากธรรมชาติจะทำให้ตื่นตัวแต่ไม่มีอาการเหล่านั้นเพราะมาจากธรรมชาติปลอดภัยซึ่งจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมจะออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น

10. Oat straw หรือที่รู้จักในชื่อ Avena sativa โดย Oat Straw ได้มาจากข้าวโอ๊ตสีเขียวป่าซึ่งใช้เป็นเครื่องกระตุ้นสมองในการแพทย์พื้นบ้านมาตั้งแต่สมัยกลางโดยฟางข้าวโอ๊ตช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้นโดยการเพิ่มคลื่นอัลฟาในสมองทำให้สมองรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นช่วยเพิ่มไนตริกออกไซด์ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มปริมาณสารอาหารสำคัญและออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับสมองช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียดโดยเพิ่มระดับ dopamine ในสมองซึ่งจะเพิ่มความรู้สึกของความสุขเพิ่มขึ้นจากการศึกษาได้ให้อาสาสมัครทั้งที่ได้รับยาหลอกหรือสารสกัดจากข้าวโอ๊ตกรีน 800 mg ในแต่ละวันเป็นเวลา 6 วันและประเมินการทำงานด้านความรู้ความเข้าใจด้วยคอมพิวเตอร์พบว่าผู้ที่ได้รับข้าวโอ๊ตกรีนสามารถทำงานได้รวดเร็วและทำงานได้ดีขึ้นอีกการศึกษาได้ให้สารแก่ผู้ป่วยสูงอายุที่มีประสิทธิภาพการทำงานด้านความรู้ความเข้าใจต่ำกว่าปกติเป็นประจำทุกสัปดาห์หลังจากนั้นพวกเขาก็ทำดีขึ้นในการทดสอบเพื่อวัดความสนใจและความสามารถในการโฟกัสข้อมูลต่างๆ

11. Schisandra Berry เป็นสมุนไพรช่วยปรับสมดุลของร่างกายช่วยให้ร่างกายต้านทานต่อโรคต่างๆและความเครียดได้ดีบำรุงตับและป้องกันสารพิษเข้าทำลายเซลล์ตับแก้อาการอ่อนเพลียเรื้อรังลดอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักพักผ่อนน้อยอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดช่วยให้นอนหลับสนิทตลอดคืนจึงช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานทางกายภาพของร่างกายและลดความตึงเครียดช่วยชะลอความเสื่อมในระดับเซลล์

12. American Ginseng ช่วยต้านความเครียด สารสกัดจากโสมมีคุณสมบัติต้านความเครียดโดยช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้สามารถทนต่อความเครียดได้ในระดับหนึ่งโดยฮอร์โมนACTH จากต่อมใต้สมองจะเป็นตัวควบคุมการหลั่งฮอร์โมนต่อมหมวกไตซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันและต่อต้านความเครียดโดยเร่งกระบวนการเมตาบอลิซึมต่างๆเพื่อปลดปล่อยพลังงานและสารต่อต้านความเครียดออกมาผลต่อระบบประสาทกลาง: ในสารสกัดโสมมีคุณสมบัติกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางให้ตื่นตัวช่วยให้ผ่อนคลายความตึงเครียดมีส่วนช่วยบำรุงสมองโดยรวมผลต่อต้านความเมื่อยล้าเพราะทำให้ร่างกายมีการปลดปล่อยพลังงานมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้เยื่อเซลล์สามารถดูดซึม Oxygen เพิ่มขึ้นถึง 21% เซลล์ในร่างกายจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังมีผลทำให้กระบวนการเผาผลาญภายในร่างกายเพิ่มมากขึ้นด้วย

13. Lutein พบได้ในพืชที่มีสีเหลืองถึงแดงมักพบลูทีนร่วมกับซีแซนทีน (Zeaxanthin) นิยมเรียกลูทีนและซีแซนทีนรวมๆกันมีชื่อเรียกย่อว่าL/Z L/Z เป็นสารที่พบมากในบริเวณจุดรับภาพบริเวณจอประสาทตาทำให้บริเวณนี้มีสีเหลืองบริเวณนี้และที่จุดศูนย์กลางของบริเวณจุดรับภาพที่เรียกว่าโฟเวียประกอบด้วยตัวรับแสง (photoreceptors) จำนวนมากจึงตั้งสมมติฐานว่าL/Z ทำหน้าที่ช่วยให้มองภาพได้คมชัดและเห็นรายละเอียดของภาพดีขึ้นนอกจากนั้นยังพบL/Z ได้ในเลนส์ตาฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นของL/Z มีบทบาทในการป้องกันปัญหาจากแสงยูวีในแสงแดดชะลอการเกิดต้อกระจกซึ่งเป็นภาวะเลนส์ตาขุ่นมัวอันเนื่องจากความเสื่อมของเลนส์ตาลูทีนเป็นแคโรทีนอยด์สีเหลืองซึ่งมีส่วนอย่างมากในการต่อต้านสารต้านอนุมูลอิสระโมเลกุลของลูทีนพบในปริมาณสูงในจุดของดวงตาโดยเฉพาะพื้นที่ของเรตินาที่เกี่ยวกับการรับภาพช่วยในการดูดซับแสงสีน้ำเงินซึ่งปกป้องเซลล์จากการทำลายของคลื่นแสงสีนี้ซึ่งช่วยป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาเป็นอย่างมาก

14. Bilberry Extract ช่วยถนอมดวงตาทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้นช่วยรักษาอาการตาบอดกลางคืน (Night blindness) ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาเมื่อใช้สายตานานๆช่วยป้องกันเลนส์ตาและช่วยให้คอลลาเจนในตาในส่วนกระจกตาและหลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้นช่วยลดอนุมูลอิสระในจอตาทำให้ป้องกันอาการเสื่อมที่มักจะเกิดกับดวงตาให้น้อยลงได้เช่นต้อกระจกต้อหินต้อเนื้อตาเสื่อมในคนสูงอายุ (สายตายาว)

ดิออฟฟิศ 1 กล่อง มี 30 เม็ด ราคากล่องละ 1,765 บาท


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท

ดีพอต ปกป้องปอด บำรุงปอด

ท่าบริหารกล้ามเนื้อ คอ